Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

32 ธันวา หนังรักฉบับขายหัวเราะ



ยอร์ช ฤกษ์ชัย งัดวิชาขายหัวเราะลุยเขียนบท 32 ธันวา ตำรารักฉบับคอมมาดี้ จับ แดน วรเวช ปะทะ โหน่ง ช่ะช่ะช่า 3 ฮาแน่นอน

หลังห่างหายไปจากงานหนังมาได้พักใหญ่ ก็ได้เวลาพยัคฆ์ยอร์ช ผู้กำกับยี่ห้อหนังฮาต้นตำรับลิขสิทธิ์ “ส่ายหน้า” “ยอร์ช -ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์” ออกสตาร์ทโดดลุยงานหนังเรื่องใหม่ล่าสุด จับ “แดน วรเวช” ประกบปาก เฮ้ย ประกบคู่กับ “โหน่ง ช่ะช่ะช่า” ในเรื่อง “32 ธันวา” ที่งานนี้ “ยอร์ช” ยอมเผยว่าตั้งใจงัดวิชา “ขายหัวเราะ” ออกมาเขียนตำรารักฉบับใหม่ สไตล์คอมมาดี้ เลิฟ เลิฟ ด้วยตัวเองทั้งเล่มเลยทีเดียว

เรื่องราวของ โน๊ต (แดน วรเวช ดานุวงศ์) กับ โจ (โหน่ง ช่ะช่ะช่า) ได้โคจรมาพบกันในวันที่สองหนุ่มมาหาหมอเพื่อบำบัดโรค..โน๊ต สูญเสียความทรงจำบางส่วนไป ส่วน โจ มีอาการวิตกจริตคิดว่าขี้ไม่ออก หมอถึงกุมกะหมับกับโรคประหลาดของทั้งคู่ ความทรงจำบางส่วนของโน๊ตที่หายไปก็ คือเรื่อง ราวของความรักระหว่างเค้ากับหญิงสาว 1 ใน 3 คน ปฏิบัติการตามล่าหาความทรงจำของเขาจึงเริ่มขึ้น

โดยที่เขามี เมย์ (สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข) น้องสาวต่างสายเลือดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เดินทางไปกับเขาด้วยตลอดเวลา โน้ตไม่แน่ใจว่าเธอ “คนที่เค้ารัก” คือใคร ?

“32 ธันวา คือวันพิเศษวันหนึ่งที่ไม่ได้มีในโลกนี้ ซึ่งในหนังเรื่องนี้มันมีวันนี้สำหรับใครบางคน ที่มันเป็นวันที่พิเศษที่สุดในชีวิตของเขา นั่นคือสำหรับตัวเอกของเรื่อง ผมก็เลยตั้งชื่อว่า “32 ธันวา” ครับ

มันคือเรื่องราวของโน๊ต (แดน วรเวช ดานุวงศ์) ที่ไม่รู้ว่าตัวเขาเองรักใครกันแน่ เขาไม่รู้ว่าคนที่เขาเลือกหรือใครที่จะเลือกเขากันแน่ที่เขาจะรัก มันคือการตามหารักของใครคนหนึ่ง

เรื่องนี้จะมีเรื่องราวเป็นแกน เรื่องโดยมีมุข มีจังหวะ มีตัวละคร ที่มาช่วยสร้างสีสัน ต่างจากงานที่ผ่านมาของผมนิดหน่อย หนังเรื่องที่ผ่านมาจะสับกันยับเลย ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร เล่นกันให้สุดๆ ครับ เรื่องนี้จะมีความเนียนนุ่มนวลเจือๆอยู่ แต่ในเรื่องของมุข ความขำเรื่องนั้นต้องมีแน่นอนเพราะผมมีความคิดว่าความรักมันก็ทำให้อะไร บางอย่างละมุนละไมมากขึ้น

กับเรื่องนี้ลุยเรื่องการเขียนบทด้วยตัว เองเรื่องแรกครับ ก็เลยจะรู้ทุกอย่างทุกมุมที่เรามอง เอาความคิดเห็นไปใส่ในบท แต่ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องราวของเรา ทั้งชีวิตหรือความรักของเราไปใส่นะ

เพราะว่าในแต่ละฉากมันก็ไม่ใช่ ตัวเราเองทั้งหมด แต่ว่าในทุกชีวิตของหนังในเรื่องนี้ เราเคยเจอเองในชีวิตของเรามาแล้วทั้งนั้น เพราะบางเรื่องบางฉากไม่ได้เกิดจากเราจริง อาจจะเกิดกับเพื่อน อาจจะเห็นมา อาจจะมีคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟัง เกิดจากพี่สาว น้องสาว น้องที่ออฟฟิศ ผู้ชาย-ผู้หญิง ที่เรารู้จัก 32 ธันวา เป็นหนังเรื่องที่ 5 เรื่องนี้นอกจากขำแล้วผมอยากให้คนดูอิ่มใจ ยิ้มๆ ประ มาณว่า “เออว่ะ จริง แบบนี้ อย่างงี้แหล่ะ”

แล้วเรื่องนี้ได้แดนมารับบทโน๊ต ผมว่าแดนเป็นคนที่มีความสามารถแสดงได้หลากหลายแบบไหนก็ได้ บางฉากที่ได้ถ่าย
ทำ กันไปเขาทำได้ดีมาก ตัวละครของแดนเป็นคนหลุกหลิก ล่อกแล่ก พูดจาเร็วๆมือไม้ไม่ค่อยอยู่กับที่ส่วนของโหน่งเป็นตัวละครที่เป็นการ์ตูน ที่สุด โลกสวยงาม ดูแล้วยิ้ม หัวเราะง่าย เป็นคนที่ชอบเสพคำคมจากคนอื่นๆ

ส่วน เรื่องข่าวที่มีเขียนออกมา ว่าหนังผม ตัวโน๊ตบทที่แดนเล่น จะมีเข้าฉากจูบกับผู้ชายจริงๆแล้วความตั้งใจจริง คงไม่ได้คิดว่าจะให้มีฉากออกมาอย่างนั้น คงเป็นความเข้าใจผิด เพราะฉากนั้นเรายังไม่ได้สรุปอะไรกันอย่างชัดเจน ว่าจะสื่อสารแบบไหนหรือต้องทำยังไงกับมันดี ต้องลองให้ไปลุ้นกันอีกทีเมื่อหนังถ่ายทำตัดต่อเสร็จ ว่าแดนจะมีฉากจูบปากกับผู้ชายไหม"

การไม่รู้ว่าใครรักเรา กับ การไม่รู้ว่าเรารักใคร ปัญหาไหนใหญ่กว่ากัน? ติดตามภาพยนตร์ คอมมาดี้ เลิฟ เลิฟ ที่พูดถึงเรื่องจริง ของความรักผ่านมุขตลก ที่จะกระตุ้นหัวใจให้ทุกคนกระชุ่มกระชวย กับ “32 ธันวา” หนังรักในแบบฉบับกวนๆ ของ “ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์” ทุกโรงภาพยนตร์ 3 ธันวาคม 2552 นี้

อลิสฯ

ทิม เบอร์ตัน กลับมาแล้ว!!!




ไม่พลาดที่จะหนีบ "จอห์นนี่ เดปป์" และเจ๊ "เฮเลน่า คาร์เท่อร์" มาสร้างความอึมครึมอีกด้วย



น่าดูยิ่ง...
















ปล.ตอนจอห์นนี่ เด็ปป์แสดงในหนังทิม เบอร์ตัน เรื่อง โรงงานช็อกโกแล็ต นั่นน่ะ พี่แกบอกว่าแรงบันดาลใจในการทำท่าประหลาดโลก กับการแต่งหน้าขาวโพลนแบบนั้น ได้มาจาก ไมเคิ่ล แจ็กสัน อืมม...

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

ความลับที่เชื่อมต่อกันของ 5 แพร่ง

ทุกคำที่จะอ่านข้างล่าง เฉลยเนื้อหาของหนัง ยังไม่ได้ อย่าเข้ามาอ่านจ้า


5แพร่ง


สำหรับคนที่ไปดูมาแล้ว จะเห็นได้ว่า ในสี่แพร่ง จะมีจุดเชื่อมโยงกันในหนัง ว่า สี่ตอนมันเกี่ยวข้องกับ กับ ห้าแพร่ง ก็ไม่เว้น เลยลองรวบรวมดูนะ ว่า ในห้าแพร่ง มันเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้าง หรือ มีเกร็ดอะไรบ้าง อาจจะไม่เกี่ยวกัน หรือฟังดูมั่ว แต่ลองโยงๆดูนะ (อ่าน และรวมมาจากกระทู้ที่คุยกันถึง หนังเรื่องนี้มา )


1. ห้าแพร่ง เกี่ยวกับรถ การเดินทางโดยรถ หลาวชะโอน-ปาหินใส่รถ, ห้องเตียงรวม-มอไซค์ล้มเลยมานอนโรงพยาบาล, แบ๊คแพค-รถคอนเทนเนอร์ขนคน, รถมือสอง-ก็ซากรถ, คนกอง-รถชนจนได้ (ข้อต่อๆไป จะเรียกว่าตอน 1 -2-3 แทนนะ)



2. โทรศัพท์มือถือใน หลาวชะโอน กับ โทรศัพท์ที่ แดนถือ ใน ตอน2 รอยแตกที่เดียวกัน


3. แดน อาจเป็นคนขับมอไซค์ ให้ เป้ ในหลาวชะโอนขับ เพราะชื่อตี้เหมือนกัน


4. ซอมบี้เด็ก ในตอน3 วิ่งมากัด พระใน หมู่บ้านของหลาวชะโอน


5. รถเบนซ์ ที่ สาวญี่ปุ่นขับในตอนจบ ของตอน3ซอมบี้ ถูกมาจอดในเต้นท์รถมือสอง ของนิโคล ตอน4


6. รถของมาช่าที่ขับชนในตอน5 มีอยู่ในแคทตาล๊อก รถชน ของนิโคล ในตอน4


7. หมอผู้ชายในตอน2 (เตียงรวม) เป็นคนเดียวกับ หมอในตอน5 (คนกอง)


8. ในตอน5คนกอง หมอแฝดคนหนึ่งบอก คนไข้ตาย คือ ลุงในตอน2 อีกคนบอกคนไข้หนี คือ ผีน้องเกต ในตอน5


9. เณรในตอน1 ตอนเข้าไปนั่งสมาธิในถ้ำ แล้วกลัว จนหนีออกมา แต่กลายเป็นชุดที่ไม่ใช่จีวร คือ อาจจะตายไปตอนนั้นแล้ว ถึงได้กลายเป็นเปรตในตอนสุดท้าย (ศพห่มจีวร วิญญาณเป็นชุดธรรมดา) หินที่โดนขว้างใส่คือ ผลกรรม ที่กลับมาลงโทษ


10. พยาบาลน่ารักๆ ในตอน2 คนที่ไม่ดุ คือ น้องซี แห่ง ceemeagain.com



11. เสียงกรี๊ดแรก ที่ได้ยินจากหนังเรื่องนี้คือ ฉากที่ เคน-ธีรเดช โผล่มา ในหนังตัวอย่าง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ


12. เสียงตบมือในโรง ดังทันที ที่ได้ยินคำว่า “ปิดกอง” ใน ตอน5 คนกอง


13. งูกินตับตุ๊กแก จริงๆมันคือ ตุ๊กแก ท้องอึดอัดเพราะทานแมลงเข้าไป แล้ว งูล้วงเข้าไปเอาแมลงมากิน ช่วยทำให้ตุ๊กแกหายอึดอัด (ลองเซิร์ชดู)


14. เรื่องจริงผ่านจอ มีพูดถึงเรื่องจริง ที่ถูกนำมาขยายในห้าแพร่ง ในบางตอนด้วย ลองไปดู http://video.mthai.com/player.php?id=6M1252653184M0


15. ผู้ชายที่หล่นลงมาบนหลังคารถ ตอน4 รถมือสอง เป็นคนเดียวกับ ผีโทรศัพท์ ในตอนเหงา ของ สี่แพร่ง ผีที่ผลักตกตึกหน่ะ


ใครรู้อะไรเพิ่ม ช่วยบอกต่อด้วยน้าา

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

10 อันดับหนังรักเกาหลีที่ควรรู้

1. My Girl
My Girl รักหมดใจ ยัยกะล่อน (3 แผ่น)
เรื่องนี้ให้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรก ที่สามารถดูซ้ำอีกกี่รอบก็ไม่เบื่อ หนังดังไม่ใช่แค่พระเอกหล่อ นางเอกสวย หรือเพลงเพราะเท่านั้น เนื้อเรื่องของหนังตอนแรกเหมือนจะน้ำเน่าทีให้นางเอกมาปลอมตัวเป็นหลานสาว ที่หายไป แต่การดำเนินเรื่องต่างหากที่ทำให้เรื่องนี้สนุกสนาน ทั้งมุขตลกที่ไม่เหมือนใคร แล้วก็ฉากสวีทกุ๊กกิ๊ก ที่นำเสนอได้น่ารัก และขำไปพร้อมๆกัน จุดเด่นอีกอย่างก็คือ เสื่อผ้าทั้งนักแสดงชายหญิง สวยตลอดทั้งเรื่อง

2. Autumn in My Heart

View full-size image


ถ้า จะเริ่มดูซีรีย์เกาหลี ต้องเริ่มด้วยเรื่องนี้เลย เพราะเป็นเรื่องแรกๆที่คนไทยได้รู้จักละครเกาหลี และยังเป็นต้นแบบแพทเทินกฏเหล็กของละครเกาหลี อาทิเช่น พระรองหล่อกว่าพระเอก น่างเอกเป็นโรคร้ายยอดฮิต ..โรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวอะไรประมาณนี้ มีการสลับตัวพี่น้องตอนเด็กๆ เพลงประกอบสุดยอดเพราะคลาสสิค และที่สำคัญมันช่างเป็นละครที่หักหาญน้ำใจคนดูเหลือเกิน ก็ตอนจบตายทั้งพระเอก นางเอก สมัยนั้น (เรื่องนี้เกือบ 10 ปีแล้วมั้ง) คนไทยยังเคยชินกับตอนจบที่แฮปปี้เอนดิ้ง ไม่ว่าพระเอกจะเป็นคู่กัดกะนางเอกแค่ไหน หรือมีอุปสรรคยากเย็นเพียงไร เราก็มักจะเห็นตอนจบอย่างสวยงานอยู่ดี แต่ Autumn in My Heart หนังรักสุดรันทด อุปสรรคช่างมากมาย ไม่มีใครเห็นด้วยใรความรักของทั้งสอง แถมยังมีโรคร้ายมารุมเร้า สุดท้ายก็ตายหมดทั้งพระเอก นางเอก นั่งดูทั้งน้ำตา ถึงจะไม่ได้จบอย่างที่คิด แต่ก็เป็นเรื่องที่คลาสสิค และคู่ควรซื้อเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่น "หนังรักสี่ฤด

3. Winter Love Song

นี่ เป็นหนังรักฤดูที 2 หากคุณประทับใจกับความรักใน Autumn in My Heart ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ เพราะเนื้องเรื่องเข้มข้นกว่า นักแสดงจัดว่าหัวกะทิทั้งนั้น เนื่องเรื่องออกแนวชิวิตรักรันทดเช่นเดิม จะรักกันก็ต้องมีอุปสรรค เรื่องนี้จบแบบมีความสุขแต่สุขไม่เสร็จ เพราะถึงพระเอกนางเอกจะได้เจอกันตอนสุดท้าย และคงได้อยู่ด้วยกัน แต่พระเอกก็ถูกโรคร้ายรุมเร้า (อีกละ) ทำให้ตาบอด
เรื่องนี้ดังเปรี้ยง ปร้างไปทั่วเอเชีย ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเกาหลีก็ว่าได้ ทุกทัวร์เกาหลีจะต้องพาไปเกาะนามิ ซึ่งเป็นพระเอกนางเอกไปเดทด้วยกันเป็นครั้งแรก และมีจุ๊บกันครั้งแรกด้วย สร้างชื่อให้เกาหลีขนาดนี้จะไม่ติดอันดับได้ยังไง

4. Coffee Prince
View full-size image
เรื่อ วนี้ใหม่ล่า มาแรง... ด้วยเนื่อเรื่องแปลกแหวกแนว ให้พระเอกมีใจชอบเพศเดียวกัน (ซึ่งจริงๆ เป็นนางเอกปลอมตัวมา) ตัวประกอบเป็นชายหนุ่มอีก 4-5 คน ใช้ร้านกาแฟเป็นจุดกำเนิดเรื่องราวสนุกๆมากมาย แค่เนื้อเรื่องก็สนุกแล้ว ตัวแสดงก็แสดงได้ดีทีเดียว ยุนอึนเฮ จาก Princess Hours ต้องเสดงเป็นทอม แสดงได้ดีจนทำให้เราแทบนึกภาพตอนเป็นสาวสวยไม่ออก ส่วนพระเอก กงยู ก็แสดงได้เยี่ยมเหมือนกันจนทำให้สาวๆ ในเกาหลี (รวมทั้งในไทย..โดยเฉพาะออฟฟิศเรา) คลั่งไปตามๆกัน แต่น่าเสียดายที่จะไม่ได้ชมผลงานเค้าไปอีก 2 ปี เพราะไปเกณฑ์ทหารซะละ
มี คู่พระนาง ก็ต้องมีคู่รอง ซึ่งเรื่องนี้มีแหกกฎละครเกาหลีด้วย กฏที่ว่าพระรองมักละหล่อกว่าพระเอกไง เรื่องนี้พระรองหล่อน้อยกว่าพระเอกหลายขุม..ฮ่าๆๆๆ..
อีกเหตุผลที่ควรดูเรื่องนี้เพราะว่า มีฉากกุ๊กกิ๊กๆ เยอะดี ..ชอบๆๆ



5. Goong/ Princess Hours
ฉากอลังการ ชุดสวย เพลงเพราะ พระเอกหล่อ นางเอกสวย จบแบบแฮปปี้... ตอบหมดทุกคำถาม แล้วอย่างนี้ไม่ควรดูได้ไง

6. Full House
เรื่อง นี้คงไม่ต้องสาธยายอะไรมาก คนไทยรู้จักกันดี เรื่องนี้ถือว่าปลุกกระแสหนังเกาหลีในไทยเป็นยุคที่ 2 ก็ว่าได้ (ยุคแรก เรายกให้ Autumn in My Heart)

7. My Lovely Kim Sum Soon

ตอน แรกที่รู้จักเรื่องนี้ ไม่ค่อยอยากดู ก็นางเอกไรฟะ อ้วนชิบเป๋งเลย ไม่เห็นจะสวย แต่ได้ยินว่าละครเรื่องนี้มีรางวัลละครยอดเยี่ยมปี 2005 การันตี ก็เลยลองดู ถึงนางเอกไม่สวย แต่ได้พระเอกช่วยไว้ แสดงโดย ฮยอนบิน หล่อมาก.. ชอบเรื่องนี้ตรงที่เนื้อเรื่องดีมากๆ ถึงนางเอกจะอ้วน ซกมก แต่ก็มีจิตใจดี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเชฟเบเกอรี่ให้ได้ ส่วนพระเอกถึงจะขี้เก็กในเรื่อง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมนางเอก
คนส่วนใหญ่ ที่ดูเรื่องนี้จะชอบ Daniel Henry ดาราลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน แต่เราเฉยๆ เพราะชอบพระเอกลูกครึ่งในเรื่องอันดับที่ 10 มากกว่า..ฮิฮิ

8. I'm Sorry, I Love You

เรื่อง นี้ได้รับรางวัลละครยอดเยี่ยมปี 2004 คอหนังเกาหลีต้องไม่พลาดเรื่องนี้ เพราะมีฉากเด็ดๆ ที่กลายเป็นฉากคลาสสิคที่คนมักจะนึกถึง และถูกล้อเลียนโดยหนังบางเรื่อง เรื่องนี้ออกแนวดรามา ชีวิตรันทดอีกละ พระเอกออกจะเอ๋อๆ เพราะสมองโดนกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ ตามหาแม่ที่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก และหวังจะแก้แค้นเม่ตัวเองด้วยความแค้น ถึงเนื้อเรื่องจะเครียด แต่ได้นางเอกหน้าตาบ๊องแบ๊ว (อิมซูจุง นางเอก I'm cyborg ที่เล่นกะเรน) มาช่วยทำให้เนื่องเรื่องเครียดๆดูเบาลง ส่วนพระเอกก็ โซจีซบ ติดอันดับท๊อป 10 ดาราชายเกาหลีเชียวน๊า
ตอนจบเรื่องนี้ตายทั้ง พระเอก นางเอก แต่เป็นการตายที่ไม่ได้เศร้าหดหู่แบบน้ำตาไหลพราก แต่เราว่าเป็นการตายตอนจบที่สวยงามที่สุดจนต้องยิ้มแทนที่จะร้องไห้

9. Spring Waltz

หนัง รักฤดูสุดท้าย เคยฉายทาง TITV เรตติ้งก็ไม่ได้ดีมากมาย รวมถึงในเกาหลีด้วย แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่างของละครที่ทำได้อย่างลงตัว เราให้มาอยู่อันดับที่ 9 (เกือบไม่ติด 1 ใน 10 ซะแล้ว) จุดเด่นของหนังรัก 4 ฤดูทุกเรื่องคือ โลเกชั่นสวย Spring Waltz เราให้ 5 ดาวเลยสำหรับโลเกชั่น มีไปถ่ายที่ออสเตรียด้วย ฉากหมู่บ้านเล็กๆ ติดทะเลสาปในฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมทั้งหมู่บ้าน สวยมากกกก... (สงกรานต์นี่เราจะไปเที่ยวหล่ะ โดยมีเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจ..)
พระเอก นางเอก เรียกได้ว่าเป็นดาราหน้าใหม่ แต่ฝีมือการแสดงเราว่าโอเคเลย พระเอกต้องแสดงอารมณ์เยอะมาก โดยเฉพาะฉากร้องไห้ เป็นผู้ชายที่ร้องไห้ได้จริงใจที่สุด นอกจากโลเกชั่นให้ 5 ดาวแล้ว คอสตูมเราก็ให้ 5 ดาว ดูละครเรื่องนี้แล้วสังเกตุดีๆ นักแสดงหลัก 4 คน (พระเอก นางเอก พระรอง นางรอง) ใส่เสื้อผ้าโทนสีเขียวตลอดทั้งเรื่อง จะได้เข้ากับฤดู Spring ไง ..อ๊ะ..เกือบลืมบอกไป พระรองแสดงโดย Daniel Henry พระรองจาก คิมซัมซุนนั่นไง


10. Sweet Spy

เกือบ จะไม่ได้ติดอันดับ 10 ซะแล้วหากเราไม่ได้มีใจให้พระเอกเป็นการส่วนตัว เนื้อเรื่องก็ขำๆ ขำแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเนื้อเรื่องไม่ค่อยแน่นเท่าไร ดูเอาขำ ได้พระเอกลูกครึ่งดาราหน้าใหม่ Dennis O มาช่วยให้ละครมีคนดู นางเอกชื่อ Nam Sang Mi (ที่มาเมืองไทยถ่ายละครกะ ลีจุนกิ) ตัวจริงก็คงสวยดีหรอกมีดีกรีเป็นถึง Miss Korea แต่เรื่องนี้เล่นเป็นตำรวจ ดูอ้วนๆ ไม่ค่อยสวย แถมไม่ค่อยคู่ควรกะพระเอกลูกครึ่งเท่าไร เรื่องนี้พระเอกพูดเกาหลีไม่ได้ ใช้พูดภาษาอังกฤษ แล้วมีซับเกาหลี ส่วนเราก็ดูซับไทยทับเกาหลีอีกที เรื่องนี้แมงป่องซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว แต่พากษ์ไทยทับเสียงพระเอกเลย ดูแล้วจะไม่ได้อรรถรสที่ถูกต้อง เพราะในเรื่องพระเอกพูดอังกฤษ นางเอกพูดเกาหลีและไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษอีกต่างหาก แต่ก็คุยกันรู้เรื่อง แถมรักกันได้อีกต่างหาก จะดูให้สนุกต้องหาต้นฉบับเสียงเกาหลี ซับไทยมาดู

The Final Destination โกงตาย ทะลุตาย



เรื่อง ย่อ Final Destination~ สู่ทุกขคติ ~ ในวันที่ควรจะเต็มไปด้วยสีสันอันสนุกสนานของสนามแข่งรถ นิค โอ แบนนอน (บ็อบบี้ แคมโป) กลับเห็นภาพล่วงหน้าถึงความหายนะชวนสยอง หลายเหตุการณ์ที่ทำให้รถแข่งหลายคันเกิดชนกัน จนเถ้าติดไฟกระจายสู่อัฒจรรย์และทำให้เพื่อนๆ ของเขาถึงแก่ความตายอย่างทารุณ จากนั้นชั้นบนพังลงมาทับเขา เมื่อหลุดจากภวังค์ร้าย นิคตกใจกลัวและกล่อมให้แฟนสาว ลอรี่ (แชนเทล แวนแซนเทน) และเพื่อนๆ เจเนท (ฮาเลย์ เวบบ์) และฮันท์ (นิค ซาโน) ให้กลับ…รอดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิดก่อนที่ภาพน่ากลัวที่นิคเห็นจะเกิดขึ้น จริงอย่างโหดร้าย ด้วยความคิดว่าโกงความตายได้ ทั้งหมดเหมือนได้ต่อเวลาชีวิต แต่โชคร้ายสำหรับนิคและลอรี่ ที่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น การเห็นภาพล่วงหน้าของเขายังดำเนินต่อไปและผู้ที่รอดมาได้ทยอยตายกันไปทีละ คน ในรูปแบบที่ยิ่งสยดสยองขึ้นทุกที นิคต้องหาคำตอบให้ได้ว่าจะโกงความตายอีกครั้งและตลอดไปอย่างไร ก่อนที่ตัวเขาเองจะต้องลงเอยด้วยจุดจบครั้งสุดท้าย
1 2 3 4

Gamer คนเกม ทะลุเกม




เรื่องย่อ
แอ็ก ชั่นทริลเลอร์คอนเซ็ปต์สุดล้ำ GAMER ว่าด้วยเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ เมื่อเกมและความบันเทิงหลอมรวมกันเป็นความสยองสายพันธุ์ใหม่ คนกลุ่มหนึ่งสามารถควบคุมคนอีกกลุ่มหนึ่งให้เล่นไปตามเกมในเครือข่ายออนไลน์ ใหญ่ยักษ์ ซึ่งมีกติกาว่าต้องกำจัดทุกคนที่ขวางหน้าเพื่อคว้าแต้ม ตัวการหลักของเกมอื้อฉาวผู้นำเทคโนโลยีควบคุมจิตใจคนมาใช้จนแพร่หลาย คืออภิมหาเศรษฐีลึกลับ เคน แคสเซิล (ไมเคิล ซี.ฮอลล์) นวัตกรรมล่าสุดของเขามาในรูปแบบเกมยิงกระจุยตะลุยเดี่ยวชื่อ “Slayers” มันดึงดูดผู้คนนับล้าน ให้เข้ามาปลดปล่อยจินตนาการดิบเถื่อนออนไลน์ต่อหน้าผู้ชมทั่วโลก ด้วยการเปลี่ยนนักโทษเป็นตัวเดินเกม และต้องสู้จนกว่าจะตาย!
1 2 3 4

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

วิจารณ์ 5 แพร่ง

ไปดุมาแล้วว ^^

สนุกมากเลย...ตามความคิดเห็นนะ คิดว่าคุ้มกว่า สี่แพร่งอีก

หักมุมอยู่หลายเรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องสุดท้าย คนกอง อย่างมันส์
ฮ่า(ในโรงมีแต่เสียงหัวเราะกับปรบมือเยอะเว่ออ) และน่ากัว โคดๆอ่ะ

อย่างบางตอนทีี่คิดว่าไม่น่าจะสนุกเท่าไร อย่าง หลาวชะโอน ก็เหนือความคาดหมายอะ สนุก ตื่นเต้น น่ากัวดี

เรื่องที่น้องแน็คแสดงก็แนวนะ...ไม่ค่อยเห็นหนังไทยทำแนวนี้เลย เจ๋งมากๆๆ

ปล.มาช่าแสดงดีโคดๆๆ เห็นแล้วจะอึ้ง!!!
ปล2.อย่าคิดว่ามีเรื่องเดียวที่ฮ่านะ...คุ้มโวยยยยย ชอบๆๆ

ถ้ามีหกแพร่งก้อคงไปดูอีกชัวร์ ก้าบบบ

ใครไปดูมาแล้วมาบอกต่อกันหน่อยนะ^^

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

10 อันดับ ฆาตกรโหดบนแผ่นฟิล์ม...ตลอดกาล

10 อันดับ ฆาตกรโหดบนแผ่นฟิล์ม...ตลอดกาล

นาน มาแล้วที่หนังแนวฆาตกรรมได้รับความนิยมอย่างมากในทุกๆประเภท ชึ่งส่วนใหญ่ เป็นหนังที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนสร้างมาก(จนคนเขียนไม่มีโอกาสจะดู) แต่ได้กำไรมากๆจึงทำให้นักทำหนังได้สร้างหนังแนวนี้มากมายนับไม่ถ้วน แต่จะมีสักกี่คาแรกเตอร์ที่ น่าจดจำ ครั้งนี้เราจะมาแนะนำ10อันดับ ฆาตกรที่เราต้องสะพรึงกัน



อันดับ 10 แจ็ค เดอะริปเปอร์ จาก from hell ชำแหละพิสดารจากนรก


ฆาตกรโหดชึ่งมีที่มาจากลอนดอนในปี ค.ศ.1888 ชึ่งอ้างอิงจากเรื่องจริงชึ่ง เป็นฆาตกรที่ตามไล่ฆ่าโสเภณีอย่างต่อเนื่อง ชึ่งในหนังมีฉากที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยอย่างน่าประหลาดใจทั้งที่หนังแทบไม่ ได้ฉายตอนแจ็คชำเหละศพโสเภณีเท่าไหร่เลย ชึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกที่หนังเรื่องนี้ทำให้ขนลุกอยู่ได้ แต่ทั้งนี้หนังก็ไม่ค่อยมีความน่าตื่นเต้นเท่าไหร่แต่กลับชวนง่วงมากกว่า แต่ด้วยตัวหนังที่เสนอบรรยากาศได้ดีเยี่ยมและการหักมุมในตอนหลังทำให้ แจ็ค เดอะริปเปอร์ ติด โผ อันดับ10 แบบหวุดหวิด


อันดับ 9 ไอ้หน้าถุงน่องจาก resurrection


เป็นตัวละครที่ไม่มีเสน่ห์เท่าไหร่แต่ด้วยความฉลาดเป็นกรดของมันและวิธี ฆ่าอันแปลกประหลาด ชึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับคริสศาสนาทั้งสิ้นที่9จึงตกเป็นของไอ้หน้าถุงน่อง

อันดับ 8 มารี จาก haute tension สับ สับ สับ


เป็นตัวละครที่น่าจดจำอีกคน สำหรับมารีเพราะเป็น ฆาตกรทอมบอยคนแรกของโลกภาพยนตร์ชึ่งโรคจิตโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลย ชึ่งมารีมี2บุคลิกนั้นคือบุคลิกคนส่งของจอมโหดที่มันโหดได้ใจจริงๆกับบุคลิก มารีที่แสนจะรักเพื่อนแต่ไม่รู้เพื่อนจะรักลงอยู่ไหม ภาพยนตร์ฝรั่งเศส Haute Tension หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Switchblade Romance เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องใหม่ ที่สามารถก้าวไปถึงจุดที่ภาพยนตร์สยองขวัญจากฮอลลีวูดไปไม่ถึง พร้อมปลุกทุกอณูแห่งความหฤโหด ของคำนิยามที่แท้จริงของภาพยนตร์ระทึกขวัญ

มันจะพาผู้ชมกลับไปยังจุดเริ่มต้น ของเวลาที่ไม่ต้องพูดถึงเทคนิคพิเศษ หรือเรต PG-13 มากวนใจ ภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากภาพยนตร์ชิ้นคลาสสิกอย่าง The Texas Chainsaw Massacre ภาพยนตร์สยองขวัญจากประเทศฝรั่งเศสเรื่องนี้ กำลังจะมาขึ้นแท่นภาพยนตร์ระทึกขวัญ ที่ดีที่สุดในรอบปี

อันดับ 7 ฌ็อง แบ็ปติส์ เกรณุย จาก perfume


อันดับ7 ตกเป็นไอ้หนุ่มจมูกสุนัข ชึ่งทำตัวละลานไปดมกลิ่นตัวของหญิงสาวผู้โชคร้ายชะทั่วแล้วก็จับมาทำน้ำหอม ซะเลย ชึ่งเรียกได้เลยว่าโรคจิตขนาดหนัก ฉากที่น่าประทับใจคือ ฉากโปรยน้ำหอมในลานประหาร ชึ่งได้ทั้งศิลป์ทั้งเสียวอันดับ 7 จึงตกเป็นของ เกรหนุยอย่างไม่ต้องสงสัย (ติดเรทนะ)

อันกับ 6 เจสัน วอร์ฮิส จาก friday the13


อันดับ6ตกเป็นของฆาตกรลูกตัวอย่างเพราะติดแม่อย่างงอมแงมขนาดที่เรียก ให้ฟื้นก็ต้องฟื้น คิดดูมันเลยไม่ตายชะที เป็นตัวละครที่หนึ่งที่ติดตาคนดูมากที่สุดเลยก็ว่าได้ชึ่งสมัยนั้นถือว่า สยองมาก สมัยนั้นคอหนังสยองจะชอบมากเพราะพี่แกฆ่าไม่เลือก จนตอนนี้ออกมาจนภาค10 ออกทะเล อ่าวไทยไปเป็นที่เรียบร้อย ได้แต่นั่งคิดว่า อย่าเอาพี่เจสันมาปู้ยี่ปู้ยำอีกเลยให้มันตายไปเถอะ เลยให้ที่6อย่างจำใจจำยอม เล็กน้อย ๆ กับศุกร์ที่ 13 อาถรรพณ์เลข 13 ชาวคริสต์มีความเชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขอัปมงคล มีมูลเหตุมาจาก อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า "เดอะ ลาสต์ ซัปเปอร์" (The Last Supper) นั้นมีสาวกร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากันกับพระองค์รวม 13 คน และความเชื่อว่าวันศุกร์ เป็นวันโชคร้าย ก็เพราะเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน และเป็นวันที่อดัมกับอีฟละเมิดกัดแอปเปิ้ลต้องห้ามของพระผู้เป็นเจ้าในสวน เอเดน จนต้องถูกขับไล่ออกมา ยิ่งกว่านั้นยังเชื่อว่าเป็นวันที่อดัมกับอีฟล้มหายตายไปจากโลกอีกด้วย ดังนั้น เมื่อวันศุกร์มาตรงกับวันที่ 13 จึงเหมือนเป็นวันมหาอัปมงคล

เจสัน วอร์ฮีส ปรากฎตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Friday the 13th ในปี 1980 และยังมีภาคต่ออีก 9 เรื่อง เสียงประกอบเวลาเจสันปรากฏตัว เป็นเสียงทำนองว่า ไอๆๆๆ คิลๆๆๆ (ต้องเสียงก้องๆ ด้วย) แปลว่า กูๆๆๆ ฆ่าๆๆๆๆ ......... เจสัน วอร์ฮีส เป็นเด็กพิการ หน้าตาน่าเกลียด โดนเพื่อนแกล้งจนจมน้ำตาย โดยศุกร์ 13 เกือบทุกภาค ก็จะพยายามเล่าเรื่องเหล่านี้อย่างละนิดละหน่อย ให้คนดูได้รู้เบื้องหลังของเจสันไปเรื่อยๆ เช่นภาคแรก แม่ของเจสันนั่นเอง ที่ออกฆ่าคน พอมาภาคสองเจสันก็มีตัวตนจริงออกฆ่าคนบ้าง ไปจนถึงภาคสาม ภาคสี่ และอีกหลายๆ ภาค ...... มีทั้งตอนเป็นคน และตายไปแล้ว หรือที่สุดๆ คือเจสัน X ที่มันกลายเป็นหุ่นรบไปเลย .......


อันดับ5 เฟรดดี้ ครูเกอร์ จาก nightmare on elm stret


อันดับ5 ตกเป็นของ ปีศาจรูปร่างเน่าเปื่อยที่มีกรงเล็บพร้อมกับเรเซอร์ยาวแหลมเฟี้ยว แต่ก็มีอารมณ์ขันอยู่มากกะเขาเหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็มาปรากฎอยู่ในความฝันของวัยรุ่นเมื่อตอนเป็นคนเคยเป็นฆาตกรสังหารเด็กมา ก่อนต่อมาเขาถูกคนอื่นรุมจนตายจนเป็นปีศาจไล่ล่าฆ่าคนในฝัน ตั้งแต่ปี 1984 และมีภาคต่อมาอีก 6 เรื่อง ชึ่งก็กระแสดีพอๆกับfryday13 และก็ออกอ่าวไทยไปไล่เลี่ยกันจนถึงขนาดมาท้าตีท้าต่อยกันเองเลย แต่อย่างไรก็ดีเฟรดดิ้ก็ยังไม่ออกไปในอวกาศแบบjasonจึงได้ที่5 มาครอบครอง

เล็กน้อย ๆ กับเฟรดดี้ ครูเกอร์ เฟรดดี้ ครูเกอร์ มีประวัติอันน่าเห็นใจอย่างยิ่ง คือแม่ของเฟรดดี้ไปเข้า รพ. แห่งนึง แล้วปรากฏว่ามีการผิดพลาด ทำให้ต้องตกไปอยู่ในโซนของคนไข้โรคจิต แล้วเป็นวันหยุดหลายวันของ รพ.ด้วย เลยทำให้โดนคนบ้าข่มขืนหลายสิบคนตลอดสามวัน ยังผลให้ตั้งท้องแล้วคลอดลูกมาเป็นเฟรดดี้ (ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเฟรดดี้มันถึงบ้าขนาดนั้น) เมื่อเฟรดดี้โตขึ้น ก็แสดงเชื้อบ้าด้วยการจับเด็กไปฆ่าเล่นแก้กลุ้ม จนถูก FBI จับตัวได้ แต่ระหว่างที่รอการพิจารณาโทษ ทางพ่อแม่เด็กที่ตายไป ก็บุกเข้าไปเผาเฟรดดี้ตายอนาถ จนกลายเป็นปีศาจแบบไหม้เกรียมอย่างที่เห็นนั่นแล


อันดับ 4 เลเทอร์ เฟรด จากthe texas chainsaw massacre


อันดับ4 ตกเป็นของฆาตกรที่หล่อที่สุดแห่งโลกภาพยนตร์ชึ่งสามารถนับญาติกับเฟรดดิ้ได้ ชึ่งเป็นฆาตกรที่จิตใจดีคนหนึ่งแต่ได้รับการเลี้ยงดูแบบผิดๆ ส่งผลให้เป็นฆาตกรที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ไม่เชื่อดูภาค2 ปัญญาอ่อนได้ใจมาก)แต่กระนั้นหนังก็ยังไม่เคยออกทะเลจึงทำให้ได้ใจขาโหดมา อยู่อันดับ4

เล็กน้อยๆ กับ เลเทอร์ เฟรด ความน่ากลัวบนแผ่นฟิล์ม บางครั้งอาจเทียบไม่ได้กับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ตำนานฆ่าโหดที่เท็กซัส ในภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิก The Texas Chainsaw Massacre หรือสิงหาสับก็เช่นกัน เพราะมันได้แรงบันดาลใจมาจากเอ๊ด กีน ฆาตกรโรคจิตตัวจริง ที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรมอเมริกัน ชื่อ เอ๊ด กีน หรือ เอ็ดเวิร์ด ธีโอดอร์ กีน มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1906-1984 ที่เมืองเล็กๆ ชื่อเพลนฟีนด์ ในมลรัฐวิสคอนซิล ช่วงเวลาที่เขาก่อคดีอยู่ระหว่างปี 1947-1957 พฤติกรรมประหลาดชวนสยอดสยองของเค้าช็อกคนทั้งโลก เพราะหลังจากฆ่าเหยื่อแล้ว เขายังควักตับไตไส้พุง และเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของศพ มาทำเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับด้วย

The Texas Chain Saw Massacre (1974) สิงหาสับ
The Texas Chainsaw Massacre 2 (1986) สิงหาสับ 2
Leatherface: Texas Chainsaw Massacre III (1990) สิงหาสับ 3
The Texas Chainsaw Massacre: The Next Generation (1994) สิงหาสับ: สยองไม่เลือกรุ่น


อันดับ 3 จิกชอว์ จาก saw


อันดับ3ตกเป็นของฆาตกรสุดวิปริตชึ่งอยากเห็นสังคมดีขึ้น(หรือเปล่า )ชึ่งวิธิการฆ่าของพี่ท่านโหดได้ใจ ศิษย์เทพช่างนัก ชึ่งทั้ง3ภาค ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จึงทำให้ชนะใจโจ๋เอาที่3ไปรับประทานอย่างไม่ต้องสงสัย


อันดับ2 ไมเคิล ไมเออร์ จาก halloween


ฆาตกรที่เรียกได้ว่ามีดีทุกด้านไม่ว่าจะเป็นความฉลาดความโหดหรือแม้ กระทั่งความอึดหรือพูดให้ชัดก็คือไม่มีวันตาย (เอากับมันสิ) หนังทำได้คงเส้นคงวา(ถ้าไม่นับภาค3ชึ่งไม่มีส่วนเกี่บวข้องเลย)ตลอดจนจบภาค h20ชึ่งเป็นภาคที่7ชึ่งเป็นภาคที่บทสรุปลงตัวสุดแล้ว แต่ก็ไม่วายมีภาค8ออกมาอย่างหน้าด้านสุดๆและกำลังจะมีภาค9ตามมาในปีนี้ ยังไงก็ตามบุญบารมีหรือบาปบารมีของพี่แกที่ทำไว้ใน6ภาคก่อน(ไม่นับภาค3)ทำ ให้ได้ที่2มาให้ชื่นใจพี่


และอันดับ 1 ตกเป็นของ ฮันนิบาล เล็คเทอร์ จาก the silence of the lambs



สุดยอดฆาตกรที่สมเหตุสมผลที่สุดและสามารถทำให้คุณอึ่งตะลึงจนตกเก้าอี้ ได้ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณ เลคเทอร์ นี้เอง ด้วยสายตาที่พร้อมจะทำให้คุณสั่นได้ตลอดน้ำเสียงที่ทำให้คุณรู้สึกหวิวนั้น ละดอกเตอร์ เลคเตอร์ ฉากที่หน้าประทับใจที่สุดของหนัง3ภาคคือ ฉากเปิดสมองชึ่งทำให้คนดูอยากอ้วกตามๆกันจึงได้ที่1อย่างไม่ต้องกังขา

เล็กน้อยๆ กับฮันนิบาล ฮันนิบาลฆาตกรอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในหนังสือนิยายแนวอาชญากรรม ของ โทมัส แฮริส (อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นอาชญากรที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก ภาพยนตร์) ชื่อเต็มๆของเขาคือ ฮันนิบาล เล็กเตอร์ ที่8 เขาเกิดปี ค.ศ.1933 ที่ประเทศลิธัวเนีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต พ่อ แม่ ของเขาตายในสงครามตั้งแต่เขายังเด็ก เขาจึงถูกส่งตัวไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งในที่สุดเขาก็หนีออกมาได้ด้วยวิธีการอันแยบยล เขามีน้องสาว1คนชื่อ มิสซา

ฮันนิบาล เล็กเตอร์เรียนจบ ปริญญาเอก สาขาแพทย์ศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบอาชีพเป็นศัลยแพทย์ จิตแพทย์ และภัณฑรักษ์ ฮันนิบาลเป็นบุคคลที่เฉลียวฉลาดซึ่งน้อยคนนักจะเป็นได้ แต่ด้วยบาดแผลในวัยเด็กที่ต้องสูญเสียครอบครัวในสงคราม ทำให้เขาเป้นคนเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร แต่ในความอัจฉริยะนี้ ลึกๆแล้วเขาก็มีความต้องการบางอย่างที่ผิดแผกไปจากมนุษย์ปถุชนคนธรรมดา... เขาเริ่มฆ่าคนอย่างทารุณโหดร้ายและยิ่งไปกว่านั้นเขายังกินเนื้อเหยื่อที่ เขาสังหารอีกด้วย

หนังสือของ โธมัส แฮร์ริส ที่เกี่ยวข้องกับฮันนิบาล มี 3 เล่มด้วยกัน Red dragon ตีพิมพ์ครั้งแรกในปั ค.ศ.1981 (นำมาทำเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 1986 ในชื่อ manhunter , สร้างใหม่และเข้าฉายอีกครั้งในปี2002) The silence of the lambs (นำมาทำเป็นภาพยนตร์แล้วในปี 1991) Hannibal (นำมาทำเป็นภาพยนตร์เช่นเดียวกัน ในปี 2001)

ปัจจุบันยังคงมีการสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับฮันนิบาลอีก 1 เรื่อง ชื่อว่า Hannibal rising เข้าฉายที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2550 เนื้อเรื่องจะกล่าวถึงชีวิตในวัยเด็กของดร.ฮันนิบาล เล็กเตอร์ซึ่งจะทำให้ได้ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าสิ่งใดที่จุดชนวนให้อัจริยะ คนนี้มีรสนิยมที่น่าสยดสยองผิดมนุษย์มนา...


ตุ๊กตาTwilight

barbie




หลังจากทำให้วัยรุ่นทั่วโลกคลั่งไปตามๆ กัน กับบทบาทของคู่พระ-นางหน้าใหม่อย่างแวมไพร์หนุ่ม “เอ็ดเวิร์ด คัลเลน” และสาวงาม “เบลล่า สวอน” ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นเจ้าของทั้ง 2 ตัวละครดังได้แล้วล่าสุด ตัวละครยอดฮิตในหนังรักแวมไพร์ “Twilight” ซึ่งรับบทโดยหนุ่ม “โรเบิร์ต แพททินสัน” และสาว “คริสเท่น สจ๊วต”

ก็ถูกดีไซเนอร์หัวใสจับมาแปลงร่างให้กลายเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ เพื่อดึงดูดให้สาวกแวมไพร์ทั้งหลายได้ซื้อไปสะสม สำหรับราคาของบาร์บี้คู่รักต่างสายพันธุ์นี้ตกอยู่ที่ตัวละ25 เหรียญ หรือราว 800 บาท

ซึ่ง ทางบริษัทผู้ผลิต “บาร์บี้” จะส่งตุ๊กตาคู่ขวัญออกมาตีตลาดตามร้านขายของเล่นที่ “อเมริกา” ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นการสร้างกระแสให้กับหนังภาคต่อของ “Twilight” เรื่อง “New Moon” อีกด้วย เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ “New Moon”เข้าฉายพอดิบพอดีส่วนในบ้านเราก็ยังไม่แน่นอนว่าเจ้าบาร์บี้คู่ขวัญนี้ จะเข้ามาเมื่อไหร่ยังไงก็คงต้องลุ้นกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มีตัวการ์ตูนของ “เอ็ดเวิร์ด คัลเลน” และ “เบลล่า สวอน”ในเกมเดอะ ซิม 2 เรียบร้อยแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

Alice In Wonderland



เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหญิงอลิสซึ่งไม่อยากร้องเพลงในงานเลี้ยงน้ำชา เธอจึงฝันไปว่าได้หล่นลงไปในห้วงเวลา และเข้าไปสู่แดนสนธยา ได้พบกับตัวละครอื่นมากมาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็แสนจะเหลือเชื่อ อย่างเช่นในฉากงานเลี้ยงน้ำชา (A Mad Tea-Part) ที่อลิสคุยกับกระต่าย March Hare และ หมวก Hatter

แค่เห็นว่ามี Johnny Depp ก็อยากดูแล้วววว...หุหุ
หนังของทิมเอบร์ตันมักมีอะไรแฝงไว้อยู่เสมอ ...ว่างั้นมั๊ย^^
วันเข้าฉาย : 05/03/2010

13 สิ่งที่ควรรู้ก่อนดู Twilight

ผู้สร้าง (The Creator)
สเตฟานี่ เมเยอร์ (Stephenie Meyer)
เธอยังคงอยู่ในอาการช็อค เมื่อพบว่าผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคือ เจ เค โรว์ลิ่ง คนต่อไป โดยนักเขียนวัย 34 ปีคนนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอยังคงเป็นแม่บ้านที่หน้าที่หลักของเธอ ก็คือการอยู่บ้านเลี้ยงดูลูกชายทั้งสามคนอยู่เลย ซึ่งเธอเองก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเสียงตอบรับในหนังสือของเธอ ที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาลดั่งลาวาที่ไหลออกมาจากปล่องภูเขาไฟเช่น นี้ เธอกล่าวว่า"ในช่วงการถ่ายรูปทำสกู๊ปนี้ ฉันยังคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นคนเคลื่อนย้ายไฟ หรือเป็นคนถือไอพ็อตและขวดน้ำของช่างภาพอยู่เลย"
ฮีโร่สาว (Heroine)
เบลล่า (Bella)
เล่าจากมุมมองของสาวน้อยที่แสนฉลาดวัย 17 ปี ที่จิตใจของเธอนั้นถูกทำให้สั่นคลอนโดยอานุภาพของความรัก หนังสือชุดของ Twilight เปรียบเสมือนยาแก้พิษ สำหรับคนที่เบื่อการเติบโตทางวัฒนธรรมที่ผิดพลาด เช่น รอยสักในที่ลับ, การเจาะสะดือ และ ปารีส ฮิลตัน แม้นักวิจารณ์หนังสือบางคนได้ตั้งข้อสังเกตุว่า เบลล่า ก็เป็นแค่หญิงสาววัยรุ่นอารมณ์ไม่ปกติเท่านั้น โดย เมเยอร์ ได้โต้แย้งว่า "เป็นเพราะเธอไม่ได้เรียนกังฟูและชอบทำอาหารให้พ่อของเธอกินทุกวัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอสมควรได้รับคำวิจารณ์แบบนั้นน่ะ"
บ้านเกิด (The Hometowns)
ฟอร์ค (Forks)
เบลล่า ย้ายมาที่เมืองเล็กๆ ที่มีฝนตกต้นไม้เชียวชอุ่มตลอดทั้งปีที่ชื่อว่า ฟอร์ค ในรัฐวอชิงตัน โดยเธอเดินทางมาอยู่กับ ชาร์ลี พ่อของเธอซึ่งมีอาชีพเป็นนายอำเภอในเมืองนี้ เธอได้เข้าเรียนในชั้นม.5 ซึ่งมันก็แตกต่างจากทุกๆอย่างที่เธอเคยเจอในฟินิกส์ ที่ซึ่ง เบลล่า เคยใช้ชีวิตกับแม่ ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะแต่งงานใหม่ (มันเป็นเรื่องที่บังเอิญที่ เมเยอร์ เคยอาศัยอยู่แถวฟินิกส์ และหลังจากนั้นเธอก็ได้ย้ายไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของแปซิฟิกส์ ที่ซึ่งมีบรรยากาศใกล้เคียงกับเมือง ฟอร์ค มาก)
มิตรสหาย (The Allies)
ครอบครัว คัลเลน (The Cullen Family)
เบลล่า ได้เป็นทำความรู้จักกับครอบครัวที่ค่อนข้างแปลก นำโดยหมอประจำเมือง คาร์ลิส (Carlisle) และภรรยาสุดสวย แอสเม่ (Esme) ซึ่งภายหลังเธอก็มารู้ว่าทั้งสองนั้นเป็น "พี่ชายและน้องสาวกัน" และทั้ง เอ็ดเวิร์ด, โรซาลี, เอ็มเม็ต และ แจสเปอร์ เองก็เป็นพี่น้องกันหมดด้วย พวกเขาเป็นแวมไพร์ที่หิวเลือด แต่พวกเขาก็ตั้งปฏิภาณเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งกับเลือดของมนุษย์ โดย เมเยอร์ นั้นรู้สึกฉุนเฉียวในดราฟ์แรกในบทภาพยนตร์ของเรื่องนี้ ที่ตัดสมาชิคทั้งหมดของครอบครัว คัลเลน ออกไป และเหลือไว้แต่เพียงแค่ เอ็ดเวิร์ด คนเดียว
เอ็ดเวิร์ดกลับชาติมาเกิด (Edward incarnate)
โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson)
เขาเป็นนักแสดงที่เป็นที่รู้จักจากบท เซดริก ดิกกอรี่ ในหนังเรื่อง แฮรรี่ พ๊อตเตอร์ ทันทีที่เขาถูกประกาศว่า จะมารับบท เอ็ดเวิร์ดในหนังเรื่อง Twilight มันก็สร้างเสียงบ่นอื้ออึงจากเหล่าแฟนๆหนังสือเป็นอย่างมาก เมเยอร์เล่าว่า "พวกเขาคลั่งไปเลยในตอนแรก แต่หลังจากที่เห็นตัวอย่างและรูปของ โรเบิร์ต ในบทแล้ว พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่า ‘พระเจ้าต้องสร้าง โรเบิร์ต แพททินสัน ด้วยมือของท่านเองแน่ๆ’ ฉันคิดว่า สาววัยรุ่นพวกนี้เอาใจไม่ถูกจริงๆเลย”
แฟนแวมไพร์ (Vampire Fans)
ทีมเอ็ดเวิร์ด (Team Edward)
"โอ้ พระเจ้า ฉันอยากมีคนอย่าง เอ็ดเวิร์ด มาอยู่ที่บ้านจัง" นี้คือคำตอบที่เป็นปกติของเหล่าสาวกวัยรุ่นของแวมไพร์ตนนี้ "ถ้า เบลล่า ตัดสินใจทิ้งเอ็ดเวิร์ด ละก็ ฉันจะไม่ให้อภัยเธอแน่ๆ" นี้เป็นคำพูดของแฟนที่คลั่งไคล้ของชุดหนังสือของ เมเยอร์ ถึงแม้ว่าพวกเธออาจะไม่ได้คิดถึงการที่ ฮีโร่สาวต้องทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อความรักกับแวมไพร์ แฟนหนังสือวัย 19 ปี ได้ให้ความเห็นว่า "ไม่เป็นไร พวกเขาสามารถรับเด็กมาเลี้ยงดู และทำให้พวกเขาเป็นแวมไพร์ก็ได้" เป็นคำตอบที่ดูน่ารักมาก น่ากลัวแต่ก็ยังน่ารักอยู่
ฝูงหมาป่า (Wolf Parade)
ทีมเจค๊อบ (Team Jacob)
เอ็ดเวิร์ด ใช้ความพยายามอย่างหนักในการปกป้อง เบลล่า ในเล่มแรกของซีรี่ย์ แต่เขากลับหายตัวไปจากเล่มที่สอง และก็ปล่อยให้ เบลล่า ให้โดดเดี่ยวเดียวดาย และแฟนหนังสือก็รู้สึกถึงการเข้ามามีบทบาทของ เจค๊อบ ที่เป็นเพื่อนสนิทของ เบลล่า เขามีลักษณะนิสัยที่รื่นเริงและยังไว้ใจได้ และเขาเองก็อยู่ในเผ่าพันธ์หมาป่าอีกด้วย เขายังเป็นคนแนะนำท้องฟ้าอันสดใสให้กับ เบลล่า อีกครั้งหนึ่ง และถึงแม้ว่าเธอจะหลงไหลในเสน่ห์ของแวมไพร์ แต่เหล่าสาวกของ เจค๊อบ ก็รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเธอมอบจุมพิตอันดูดดื่มให้กับเขาในตอนจบของ Eclipse
จุดเปลี่ยน (The Tipping Point)
สุริยุปราคา (Eclipse)
ก่อนที่ Eclipse จะออกวางขายในปี 2007 เมเยอร์ มีรายได้จำนวน 750,000 ดอลลาร์ จากสัญญาการเขียนหนังสือทั้งสามเล่ม และเธอก็เริ่มที่จะได้จากค่าลิขสิทธ์บ้างแล้ว และระหว่างการทัวร์โปรโมต Eclipse นั้นเอง ที่ชุดหนังสือนี้ก็เป็นที่แพร่หลายอย่างรวดเร็ว และก็ทำให้คนทีมาร่วมงานโปรโมตหนังสือ มีจำนวนเพิ่มจาก 600 คนเป็น 2000 คนในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์
รากฐานความเชื่อ (The Grounding)
โบสถ์มอร์มอน (Mormon Church)
เมเยอร์ กล่าวติดตลกไว้ว่า “ตอนที่ จอห์น สจ๊วต เขียนหนังสือออกมา ไม่มีใครบอกว่าเขาจะเป็นนักเขียนชาวยิวลูกสองซะหน่อย” เพราะด้วยความที่เธอนับถือลัทธิมอร์มอน เมเยอร์ จึงเลือกที่จะไม่ดูหนังเรท R ถึงแม้ว่ามันจะแสดงโดยนักแสดงคนโปรดของเธอ เช่น เจมส์ แม็คเอวอย ในเรื่อง Wanted และเธอก็ยังไม่เคยทำงานวันอาทิตย์ ถึงขนาดปฏิเสธคำเชิญเพื่อเข้าร่วมการพรีวิวตัวอย่างของ Twilight ในงาน MTV Movie Awards
ความสะอาด (The G Spot)
ลูกๆของเบลล่า (Bella Babies)
เมเยอร์ ได้รับคำชมจากแฟนๆในการเขียนหนังสือที่ปราศจากความรุนแรง ไม่มีฉากบรรยายเซ็กส์ที่โจ่งครึ่ม แต่เธอก็ยังสามารถทำให้แฟนๆอายจนหน้าแดง สำหรับฉากที่บรรยายถึงการใกล้ชิดกันระหว่าง เอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า ทั้งๆที่ในฉากนั้นทั้ง สองไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่าการพรรณณาถึงฝ่ายตรงข้ามเลย ในงานโปรโมตหนังสือ เมเยอร์ มักจะถูกได้รับขนมพุดดิ้งที่ถูกเรียกว่า “ลูกของเบลล่า” ซึ่งให้ความหมายว่า “เมื่อประสบความสำเร็จในการบรรยายฉากโรแมนติคในวรรณกรรม ก็เปรียบเสมือนการทำให้ผู้หญิงตั้งครรถ์ได้ในโลกความเป็นจริงเช่นเดียวกัน”
ภาพแรก (First Look)
สยบรุ่งอรุณ (Breaking Dawn)
เมเยอร์ เล่าถึงการคัดเลือกรูปปกของ Breaking Dawn เอาไว้ว่า "สำนักพิมพ์ของฉันส่งรูปมาให้ฉันดูหลายรูป ถึงแม้ว่าบางรูปจะไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย เช่น เป้าปาลูกดอก, ไมโครโฟน, ผ้าคลุมสีม่วง และสำรับไพ่ แต่ในที่สุด มันก็มาลงเอยที่ตัวหมากรุก แต่พวกเขาก็อยากจะให้มีแค่ตัวควีนสีขาว แต่ฉันบอกว่า ‘ไม่ ไม่ ไม่ พวกเราต้องใส่เบี้ยสีแดงเข้าไปด้วย’"
ข้อตกลง (The Deed)
การทำให้บริบูรณ์ (Consummation)
เมอยร์ เล่าว่าเธอมีความรู้สึกยินดี ที่ได้เขียนฉากการแต่งงานของ เอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า ในเล่มที่สี่ (อย่ากังวล ทีมเจค๊อบ เด็กของคุณยังไม่ "ยอมแพ้" ที่จะลงเอยกับคู่แท้ของเขาหรอก!) และตอนนี้แฟนๆที่ใฝ่ฝันถึงฉากโรแมนติค ก็จะมีอิสรภาพในการจินตนาการว่า เมเยอร์ จะทำอย่างไรกลับคืนฮันนี้มูนของพวกเขา
เวลาของเอ็ดเวิร์ด (Edward's Turn)
พระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun)
เมเยอร์ บอกแฟนๆหนังสือของเธอเอาไว้ว่า Breaking Dawn จะเป็นเล่มสุดท้ายที่เธอเล่าจากมุมมองของ เบลล่า และตอนนี้เธอก็กำลังเขียน Midnight Sun ที่จะเล่าจากมุมมองของ เอ็ดเวิร์ด เป็นครั้งแรก ไปได้กว่าครึ่งทางแล้ว โดยเธอเล่าว่า "สาเหตุที่ Breaking Dawn มีความยาวมากกว่าปกติ เป็นเพราะว่าฉันประสบกับความยากลำบาก ในการที่ทำให้ เบลล่า สละความเป็นมนุษย์ในตอนสุดท้าย"

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

หนังไทย ปี 2553

นี่ก้อใกล้จะสิ้นปี 2552 แล้วสินะ ใครที่กำลังรอดูหนังปีหน้า (2553) ดูน้ำจิ้มๆ กันก่อนละกันนะ
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

- องค์บาก 4 หลังจาก องค์บาก 2 และ 3 เป็นภาค Prequel ย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปี องค์บาก 4 ก็จะเป็นหนังภาคต่อ(Sequel)จากภาคแรกไปอีกหลายร้อยปีข้างหน้าของประเทศไทย ใช่แล้ว ! นี่จะเป็นหนังไซไฟ ! ที่ให้ จา พนม ได้โชว์ทักษะหมัดมวยไทยในอีกศตวรรษหน้าจากการคิดค้นของครูมวยที่ระดมความคิด กันสร้าง
สรรค์ให้เกิดทั้งความดุดัน สวยงาม และล้ำยุค ! โดยให้ จาแสดงเป็นหุ่นยนต์ ! ส่วนเนื้อเรื่องน่ะหรือ...มาดูตอนจบกันดีกว่า...เพียงคุณตั้งดวงจิตอธิษฐาน หุ่นเทียนตัวนี้อาจมีชีวิตรอด...(อ่า นะ)

บุญชู 100 หลังจากไอเดียกระฉูดอีกครั้งด้วยการกลับมาทำ บุญชู ไอเลิฟสระอู กับ อนึ่งคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง อาบัณฑิต ฤทธิกล ของเราก็ไอเดียกระฉูดเตรียมสร้างภาคต่อของบุญชูอีกครั้ง แต่แน่นอนเมื่อมองว่าทีมนักแสดงหลักในหนังชุดเดิมคือจุดแข็ง งานนี้อาบัณฑิตจึงเน้นเรื่องราวไปที่บุญชูอีกครั้ง เห็นชื่ออาจจะงงว่าทำไมถึงกลายเป็นบุญชู 100 ใช่แล้ว บุญชูภาคนี้จะเป็นหนังไซไฟ เลยไปไกลถึงอนาคต เมื่อวันที่ตัวละครทุกคนต้องเผชิญกับปัญหาในเมืองกรุงอันเจริญรุดหน้าไปไม่ รู้จบ พวกเขาจะหาทางเลี้ยงดูบุญโชคซึ่งตอนนี้มีหลานคือ บุญชิด(ตั้งชื่อกันง่ายดีแท้ๆ) ตอนนี้กลายเป็นเด็กแว๊นไปแล้ว

- เด็กหนัง เดอะมูฟวี่ ขนาดเรื่องของแอร์กี่ ยังเอาไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ได้ ทำไมเรื่องราวของเด็กหนังจะนำไปสร้างเป็นหนังไม่ได้ หลายคนคงงงว่าเรื่องราวของคนทำหนังเว็บไซต์หนังไทยชื่อดัง(พื้นที่โฆษณา)จะ มีอะไรน่า
สนใจ ไม่ต้องห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังจะจับเอาปมความขัดแย้งระหว่างเด็กหนังคนทำเว็
บไซต์ปริศนากับป้าคนนั้น มาเปิดเผยให้เห็นกันจะๆ ! (เอ้า ! No Comment ล่ะ 555)

โจรสลัดร้อยตา กับเด็กคนเดียว - ปี 2008 น้องเกรซได้ทำให้หลายคนที่เคยปรามาสหลังจากได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงจาก เอ๋อเหรอ ต้องตะลึงงันและสั่นไหวจากบทบาทนำอีกครั้งใน โจรสลัดตาเดียว กับเด็กสองร้อยตา ถึงขนาดได้รับรางวัลจากนิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ เสี่ยเจียงไม่รอช้า แม้ว่าตัวหนังเองจะเจ๊ง แต่เห็นว่าเป็นหนังอาร์ตขายนอกได้(ใครซื้อ ???) จึงใจป้ำลงทุนสร้างภาคพิเศษ ในชื่อเคล้าคลึง เอ้ย ! คล้ายคลึงว่า "โจรสลัดร้อยตา กับ เด็กคนเดียว" เพราะเห็นว่าคราวที่แล้วข้อเสียส่วนใหญ่ไปตกกับนักแสดงเด็กคนอื่นๆ คราวนี้เลยให้น้องเกรซของเราลุยเดี่ยวไปเลย

เอาแค่นี้ไปก่อน เด่วจะมีมาลงอีกทีนะ ติดตามกันได้ ที่ http://moviemestyle.blogspot.com นะ

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

The Twilight Saga: Breaking Dawn ภาค 4

ดูตัวอย่างภาคสี่ไปก่อนเนอะ...เนื้อเรื่องเดี๋ยวจะตามมานะ^^

The Twilight Saga: Eclipse ภาค 3 ปี 2553

The Twilight Saga: Eclipse

เตรียมรอลุ้นกันได้เลยในภาคที่ 3 นี้ กำหนดฉาย 30 มิถุนายน 2553 น้าา



เอาเนื้อเรื่องในหนังสือมาก่อนเนอะ...

เริ่มเรื่องด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเจคอบกับเบลล่า ที่ครานี้เบลล่าไม่ยอมสนใจใครนอกจากเอ็ดเวิร์ดจนชาร์ลีต้องออกปากให้เบลล่าหาความพอดีในการคบเพือนให้กับตัวเอง ในที่สุดเบลล่ากับเจคอบก็กลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง คราว นี้เบลล่าได้พูดคุยกับเจคอบถึงเรื่องแซมและเอมิลี่ว่ารักกันได้อย่างไร เจคอบก็ได้เล่าเรื่องราวให้เบลล่าฟัง และทำให้เบลล่าได้เข้าใจถึง การ imprinting ซึ่งก็คล้ายกับรักแรกพบ แต่มันดูเหมือนจะรุนแรงและลึกซึ้งกว่า แต่เจคอบก็ปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นกับใคร


ในขณะเดียวกันทางด้านแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าก็ต่างพากันสอดส่องดูแลเบลล่าเป็นอย่างดี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีใครบางคนที่เข้าไปค้นห้องเบลล่า และขโมยเอาเสื้อผ้าของเบลล่าไป ตัวเบลล่าเองก็กลัวว่าจะเป็นวิคตอเรีย หรือไม่ก็โวลตูรี เบลล่าจึงรีบเร่งอยากจะเปลี่ยนเป็น แวมไพร์มากขึ้น แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังยึดเงื่อนไขเดิม คือ เบลล่าต้องแต่งงานกับเขาก่อน แต่ก็ได้กำหนดวันที่จะเปลี่ยนแปลงเบลล่าไว้หลังจบ การศึกษาในปีนี้ ซึ่งเขาและเบลล่าจะได้ทำเป็นว่าไปเรียนต่อในที่ห่างไกล เช่น อลาสก้า เพื่อเป็นการกันเบลล่าออกจากผู้คน (ในกรณีที่แวมไพร์ใหม่อาจจะยังควบคุมตัวเองไม่ได้ดี และเขาและเบลล่าจะไม่มีการแก่ขึ้นอีกแล้ว ในกรณีนี้ต้องตัดขาดจากคนที่คุ้นเคย เอ็ดเวิร์ดจึงต้องการผัดผ่อนเวลาเพื่อให้เบลล่ามีเวลาตรึกตรองนานขึ้น)


ทาง ด้านซีแอทเทิลก็มีการเปลี่ยนแปลง เกิดมีการฆาตกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลที่ได้รับทางครอบครัวคัลเลนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของแวมไพร์ กำเนิดใหม่ พวกเขาจึงต้องหาทางยับยั้ง และคราวนี้ก็ดูเหมือนจะมีปัญหามากมายประเดประดังเข้ามา ทั้งวิคตอเรีย โวลตูรี และแวมไพร์ตัวปัญหากลุ่มใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าศัตรูที่แท้จริงแล้วมาจากทิศทาไหนกันแน่ อลิซที่เคยมองเห็นอนาคตล่วงหน้าก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เนื่องด้วยศัตรูในครั้งนี้รู้จุดอ่อนในการมองเห็นของอลิซ ว่าสิ่งที่เห็นจะต้องเป็นสิ่งที่ตัดสินใจจะทำแล้วเท่านั้น


ทาง ด้านเบลล่าและเจคอบ ความผูกพันของทั้งคู่ดูคลุมเครือมาตลอด จนในที่สุดเจคอบก็เปิดเผยความในใจ เขาบอกรักเบลล่า และจูบเบลล่า เบลล่าก็อัดเข้าให้แต่คนที่เจ็บกลับเป็นตัวเบลล่าเอง เอ็ดเวิร์ดก็เป็นผู้พาไปรักษากับพ่อของเขา ในวันนั้นเจคอบก็พูดจุดประกายความรู้สึกในส่วนลึกของเบลล่าว่าจะต้องคิดถึง คำที่เขาพูด คิดถึงจูบในครั้งนี้ เพราะเบลล่าไม่รู้หัวใจตัวเองดีพอ


ใน ที่สุดพิธีจบการศึกษาก็มาถึง คราวนี้เองที่เบลล่าเริ่มรู้สึกกลัวกับการเปลี่ยนตัวเองเป็นแวมไพร์ ประมาณว่าเริ่มสับสนในตัวเอง หลังพิธีที่โรงเรียนก็มีงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านของครอบครัวคัลเลนภายใต้การ เนรมิตของอลิซ งานเลี้ยงก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแขกที่ครอบครัวแวมไพร์ไม่ได้เชิญก็มาเยือน ... เจคอบและเพื่อนสนิททั้งสองมา เบลล่าจึงจำต้องต้อนรับด้วยท่าทีปั้นปึ่ง เจคอบให้ของขวัญเบลล่าเป็นกำไลที่ตั้งใจทำมาให้ เบลล่ารับไว้อย่างซึ้งใจ ในขณะนั้นเองอลิซก็นิมิตได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ... การมาเยือนของเหล่าแวมไพร์กำเนิดใหม่ ซึ่งสอดคล้องกันดีกับความคิดของเบลล่าก่อนหน้านี้ที่เชื่อมโยงระหว่างใครสัก คนที่มาค้นห้องของเธอเพื่อนำเสื้อผ้าที่มีกลิ่นของเธอไป และสร้างเหล่านักรบแวมไพร์ของตนเอง ซึ่งใครคนนั้นน่าจะเป็นวิคตอเรีย เจคอบได้ร่วมฟังเรื่องราวต่างๆ และเห็นดีที่จะร่วมมือกันกำจัดศัตรู ... การฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวรับมือกับแวมไพร์ใหม่จึงเริ่มขึ้น


แผน การต่างๆ ถูกวางไว้อย่างรัดกุม เบลล่าจะมาอยู่กับครอบครัวคัลเลน ขณะที่ชาร์ลีจะไปใช้เวลาสุดสัปดาห์ที่ลาพุชกับบิลลี่ เบลล่าอ้อนวอนไม่ให้เอ็ดเวิร์ดไปสู้ร่วมกับทุกคน ซึ่งนั่นดูเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวอย่างถึงที่สุด แต่อย่างไรเสียเอ็ดเวิร์ดก็ยินยอมทำตาม ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวเอ็ดเวิร์ดจึงได้อยู่กับเบลล่าตามลำพัง และในตอนนี้เองที่เบลล่าพยายามจะมอบกายให้เอ็ดเวิร์ด แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเอ็ดเวิร์ดหักห้ามไว้ ในคืนนั้นเองเอ็ดเวิร์ดก็ได้ให้ของขวัญกับเบลล่าเป็นจี้รูปหัวใจ และได้ขอเบลล่าแต่งงาน พร้อมสวมแหวนให้ และในวันรุ่งขึ้นทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปตามแผน


เอ็ด เวิร์ดจะไปตั้งเต้นท์อยู่กับเบลล่าโดยจะให้เจคอบเป็นผู้พาไปเพื่อกลบกลิ่น ของเบลล่า ในคืนที่มาหิมะตก พายุโหมกระหน่ำ เบลล่าหนาวสั่น แต่เอ็ดเวิร์ดก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะยิ่งใกล้เบลล่าก็จะยิ่งหนาว จึงทำได้เพียงแค่มอง และคิดจะถอยออกห่าง แต่เบลล่าก็ไม่ต้องการให้เอ็ดเวิร์ดออกไปจากเต้นท์ ในคืนนั้นเจคอบที่ยังคอยวนเวียนอยู่ข้างนอกก็ได้เสนอการช่วยเหลือโดยใช้ร่าง กายของเขาให้ไออุ่นกับเบลล่า (น่าสงสารเอ็ดเวิร์ดมากๆ ต้องมองคนที่รักนอนในอ้อมกอดของชายอื่น) คืนนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ได้คุยกับเจคอบในหลายๆเรื่อง และได้บอกเจคอบว่า เขายินดีหากเบลล่าจะเลือกใครที่ทำให้เบลล่ามีความสุข


รุ่ง เช้าเกือบเกิดการต่อสู้เล็กๆ เมื่อเอ็ดเวิร์ดพยายามเอาเบลล่าออกจากอ้อมแขนของเจคอบ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เอ็ดเวิร์ดและเบลล่าฆ่าเวลาด้วยการทายถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเอ็ด เวิร์ด และหนึ่งในนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เบลล่าตกลงรับปากแต่งงานกับเขา การพูดคุยของทั้งคู่ได้ยินถึงเจคอบที่อยู่ข้างนอก เจคอบร่ำร้องด้วยความเสียใจและหนีไป เบลล่าได้ยินก็สติแตกจะออกไปตาม เอ็ดเวิร์ดจึงตัดสินใจเป็นผู้ไปตามเจคอบกลับมาเอง


เจ คอบตามเอ็ดเวิร์ดกลับมา เบลล่าร่ำร้องไม่ให้เจคอบไป แต่เจคอบไม่ฟัง เบลล่าเสียใจมาก เธอเสนอให้เจคอบจูบเธอ ถ้าแลกได้กับการที่เขาจะไม่จากไป เจคอบจูบเบลล่าเนิ่นนานมาก ในขณะนั้นเธอก็คิดไปด้วย ในที่สุดเบลล่าก็จูบตอบ และได้รู้ว่าใจของเธอองก็รักเจคอบเช่นเดียวกัน เจคอบดีใจที่เบลล่ารับรู้หัวใจตัวเอง แต่เขาก็ยืนยันที่จะไป


เบล ล่าอยู่กับเอ็ดเวิร์ดในเต้นท์ แต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่มีทีท่าจะโกรธเธอทั้งๆที่เขาเองก็รู้ทุกอย่าง จึงทำให้เบลล่ายิ่งรู้สึกผิด การต่อสู้เริ่มขึ้น และในขณะเดียวกันความผิดปกติก็เกิดขึ้น วิคตอเรียและ riley ปรากฏตัวออกมา เอ็ดเวร์ดจึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด วิคตอเรียตามกลิ่นเขา เพราะรู้ว่าเบลล่าจะต้องอยู่ข้างกายของเขา การต่อสู้จึงเริ่มขึ้น ในที่สุดเอ็ดเวิร์ดและเซ็ทก็เป็นฝ่ายชนะ ขณะเดียวกันการต่อสู้ของกลุ่มที่เหลือที่ดูท่าว่าจะเรียบร้อยก็เกิดความผิด พลาดขึ้น... เจคอบได้รับบาดเจ็บ


ท้าย ที่สุดของการต่อสู้ เจน สมาชิกจากโวลตูรีเดินทางมาเก็บกวาดความเรียบร้อย และพูดให้คิดว่าทำไมเบลล่ายังไม่เปลี่ยนเป็นแวมไพร์อีก แต่อลิซก็ได้พูดทัดทานไว้


เบล ล่าไม่มีจิตใจทำอะไรด้วยห่วงเจคอบ ในที่สุดเบลล่าก็ได้ไปพบเจคอบ และได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน เจคอบยอมรับความพ่ายแพ้ และบอกว่าเขาจะดีขึ้นในสักวัน เบลล่าตกลงจะจัดงานแต่งงานกับเอ็ดเวิร์ด โดยมีอลิซเป็นแม่งาน


การ์ดเชิญถูกส่งไปยังบ้านของเจคอบ พร้อมจดหมายขอบคุณจากเอ็ดเวิร์ด เจคอบที่ยังคงทำใจไม่ได้อ่านจดหมายแล้วแปลงร่างเป็นหมาป่าวิ่งไปเรื่อยๆ อย่าเต็มกำลัง

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

Harry Potter and the Deathly Hallows

Harry Potter and the Deathly Hallows (year 7)



เปิดฉากที่งานแต่งงานของบิลและเฟลอร์หลังงานแต่งแฮรี่ลาเพื่อนๆ เพื่อที่จะตามหา Horcruxes และไม่กลับไปฮอกวอร์ตแม้ว่าเพื่อนๆจะขอติดตามไปด้วยแต่แฮรี่ก็แอบหนีไปคน เดียว

ฮ็อกวอร์ตถึงแม้จะยังเปิดสอนภายใต้อาจารย์ใหญ่คนใหม่มัคกอลนากัลแต่นักเรียน ที่กลับมาในปีนี้ ก็ลดจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดกองทับดัมเบิลดอร์ กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องลับเป็นชมรมอีกแล้วเพราะอาจารย์ในโรงเรียน ต่างก็ยอมรับ และกลุ่ม ภาคีนกฟินิกส์ ผลัดกันมาช่วยสอนทำให้วิชาป้องกันตัวจากศาตร์มืดของกลุ่มพัฒนาไปอย่างรวด เร็ว โดยเฉพาะเนวิลล์ และจินนี่ และกลุ่มกองทับดัมเบิลดอร์ก็เฝ้ารอว่าสักวันแฮรี่จะส่งสัญญาณให้พวกเขาเข้า ช่วยในการปราบโวลเดอร์มอร์

ฝ่ายแฮรี่ ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลลึกลับทำให้รู้การเคลื่อนไหวของโวลเดอร์มอร์และ สามารถขัดขวางโวลเดอร์มอร์ได้หลายครั้งรวมถึงร่องรอยของ R.A.B. ด้วยและเมื่อตามรอย R.A.B. ไปถึงอัซคาบัลเขาจึงค้นพบว่า R.A.B. แท้จริงคือน้องชายของซีเรียส แบล็ค ที่ถูกคุมขังในอัซคาบัล ซึ่งได้ตายไปแล้ว โดย R.A.B. ซึ่งเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของโวลเดอร์มอร์เป็นผู้ช่วยของโวลเดอร์มอร์ใน การทำHorcruxes และนำไปซ่อน แต่ต่อมา R.A.B. ระแวงว่าโวลเดอมอร์กำลังจะกำจัดเขา

เพื่อปิดปากไม่ให้เรื่องHorcruxesรั่วไหลเขาจึงแอบไปเก็บ Horcruxes มาเปลี่ยนที่ซ่อนโดยเขารู้ Horcruxes จำนวนห้าชิ้น (อีกสองชิ้นคือตัวโวลเดอร์มอร์และงู) และได้กระจายไปยังญาติๆตระกูลแบล็คเพื่อเก็บรักษา (ไดอารี่เก็บไว้ที่แม่ของมัลฟอย)

แฮรี่ขอความช่วยเหลือจากท็องส์เพื่อสืบหาคนในตระกูลแบล็คที่น่าจะเก็บของที่ เหลืออีกสามชิ้น (สองชิ้นเจอแล้ว) และพบว่าชิ้นหนึ่งอยู่ที่เบลลาทริกซ์ ซึ่งแฮรี่และท็องส์สามารถกำจัดเบลล่า และทำลาย horcruxes ได้ อีกชิ้นหนึ่งเป็นสมบัติของซีเรียส แบล็ค ที่อยู่ใกล้ตัวแฮรี่มากๆ แต่แฮรี่มองข้ามไป จนกว่าจะรู้ตัวก็เกือบไม่ทัน ( R.A.B ก็เข้าใจว่าซีเรียสเป็น ผู้เสพความตาย จึงเก็บไว้กับซีเรียสส่วนนึง) และอีกส่วนหนึ่งซึ่งยังหาไม่เจอและคาดว่า R.A.B.จะเก็บไว้เอง

ในขณะเดียวกันที่ฮอกวอร์ต เฮอร์ไมโอนี่ (ซึ่งติดต่อกับแฮรี่ และรู้เรื่องราวโดยตลอด) ก็จับสังเกตในตัวครีเชอร์ได้ และสันนิษฐานว่า Horcruxes อีกชิ้นซ่อนอยู่ในบ้านของแบล็คที่ปัจจุบันตกเป็นของแฮรี่ แฮรี่กลับไปที่บ้านเลขที่ 12 และค้นหาจนเจอ Horcrux และทำลายจนสำเร็จ และเขารู้ว่าถ้าเขาฆ่างูได้สำเร็จ โวลเดอร์มอร์ก็จะเหลือแค่ชีวิตเดียว

ด้วยความช่วยเหลือของบุคคลลึกลับ แฮรี่สามารถแฝงกายเข้าไปในที่กบดารของโวลเดอร์มอร์ได้ และเขาพยายามหาทางฆ่างูของโวลเดอร์มอร์จนสำเร็จ และขณะจะเข้าไปลุยโวลเดอร์มอร์แบบยอมตาย (เพราะเข้าใจว่าเหลือจิตเดียวแล้ว) แต่โดนสเนปขัดขวาง ด้วยความโกรธแค้น แฮรี่ฆ่าสเนปจนตาย ก่อนพบว่านี่เป็นกับดักที่ล่อให้เขามาติดกับแต่ทันใดนั้นมัลฟอยก็โผล่มาช่วย แฮรี่ได้ทันและหนีไปที่ฮอกวอร์ต


ที่ฮอกวอร์ต

มัลฟอยเล่าให้ฟังว่าสเนปคือคนที่ส่งความเคลื่อนไหวของโวลเดอร์มอร์ให้แฮรี่ และ ภาคีนกฟินิกส์ มาโดยตลอดอย่างลับๆ ทำให้โวลเดอร์มอร์ไม่สามารถทำอะไรได้สะดวก แฮรี่ไม่ยอมเชื่อจนพบความทรงจำของดัมเบิลดอร์ และพบว่าเป็นตอนที่ดัมเบิลดอร์ขอร้องให้สเนปฆ่าเขา เพื่อแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มโวลเดอร์มอร์ได้สนิท มัลฟอยเล่าให้ฟังว่าสเนปสามารถโน้มน้าวมัลฟอยให้ถอนตัวจาก ผู้เสพความตาย ได้ แต่โวลเดอร์มอร์ก็สงสัย จึงวางแผนให้สเนปส่งข่าวผิดๆให้แฮรี่เพื่อวางกับดัก เพื่อล่อทั้งแฮรี่และสเนป และมัลฟอยยังบอกอีกว่างูไม่ใช่ Horcrux ที่แท้จริง แต่โวลเดอร์มอร์หลอกให้แฮรี่ตายใจเท่านั้น สรุป ยังมี horcrux ที่หลงเหลืออยู่ และไม่รู้ว่าเป็นอะไร แฮรี่เสียใจมากที่ตัวเองฆ่าเสเนปไป

ทันใดนั้น โวลเดอร์มอร์ และ กลุ่ม ผู้เสพความตาย ก็บุกเข้ามาในฮอกวอร์ต กลุ่ม กองทับดัมเบิลดอร์. ช่วยกันสู้เต็มที่แต่ก็ต้านไว้แทบไม่ไหว วลเดอร์มอร์ไล่ล่าแฮรี่ด้วยตัวเอง จนเหลือแต่แฮรี่และเนวิลล์ในห้องของอาจารย์ใหญ่ และตัวโวลเดอร์มอร์ โวลเดอร์มอร์เฉลยว่า Horcrux อีกอันนึงก็คือแผลเป็นบนหน้าผากแฮรี่ (โดยการฆ่าเจมส์ พอตเตอร์เพื่อสร้าง Horcrux นี้) และเป็น Horcrux ที่จะทำให้โวลเดอร์มอร์ชนะ เพราะจากคำทำนาย จะมีผู้รอดชีวิตเพียงคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าแฮรี่รอด นั่นก็หมายถึงโวลเดอร์มอร์รอดด้วย ซึ่งจะไม่เป็นตามคำทำนาย ฉะนั้นแฮรี่จึงต้องเป็นฝ่ายตาย แฮรี่ยังคงสู้กับโวลเดอร์มอร์เต็มที่ แม้จะได้ยินอย่างนั้น เขาใช้ดาบกริฟฟินดอร์สู้กับโวลเดอร์มอร์ ก่อนจะโยนดาบให้เนวิลล์และร้องบอกให้เนวิลล์แทงโวลเดอร์มอร์โวลเดอร์มอร์มัว แต่ระวังแฮรี่จึงโดนเนวิลล์แทงจนตาย

แฮรี่บอกเนวิลล์และทุกคนว่าคำทำนายจริงๆหมายถึงเนวิลล์ ไม่ใช่แฮรี่ แต่โวลเดอร์มอร์ไม่รู้ เพราะเขาได้ยินคำทำนายมาจากสเนปอีกทีซึ่งไม่ครบถ้วน ทำให้เขาคิดว่าเป็นแฮรี่ แต่ที่แฮรี่มีอำนาจพิเศษต่างๆเช่นภาษางู หรือเชื่อมจิตใจกับโวลเดอร์มอร์ได้เป็นเพราะแผลเป็นซึ่งเป็น horcrux นั่นเอง และพอเขารู้ตัวว่าเป็นเพราะเหตุนี้ จึงคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่เนวิลล์ซึ่งไม่อยู่ในสายตาโวลเดอร์มอร์ อาจเป็นคนในคำทำนายก็ได้ซึ่งเขาคิดถูก

แฮรี่รู้ตัวว่า Horcrux แผลเป็นกำลังมีพลังมากขึ้น และกำลังจะครอบงำเขา ให้เขาเป็นโวลเดอร์มอร์ต่อไป จึงขอร้องให้เนวิลล์กำจัดเขาอีกคน เนวิลล์ไม่ยอม แฮรี่จึงบอกว่าหลายคนเสียสละชีวิตเพื่อกำจัดลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ดัมเบิลดอร์ สเนป ซีเรียส รวมถึงพ่อและแม่ของเนวิลล์ ซึ่งการตายของแฮรี่เทียบไม่ได้กับคนอื่น เนวิลล์กลั้นใจกำจัดแฮรี่

ที่งานศพของแฮรี่ ป้าเพ็ตทูเนียมาร่วมงานศพ และเล่าให้ทุกคนฟังว่า โวลเดอร์มอร์ขณะเป็นทอม ริดเดิ้ล ได้พบรักกับหญิงธรรมดาคนหนึ่ง และมีลูกสาวสองคน แต่พอทอมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นโวลเดอร์มอร์ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเริ่มทนไม่ได้ และหนีไปโดยความช่วยเหลือของดัมเบิลดอร์ ดัมเบิลดอร์ช่วยให้เธอหลบซ่อน เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม และใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาที่สุด ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นสควิป ไม่มีเวทมนตร์ใดๆและเกลียดโลกของเวทมนตร์มาก แต่ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีวี่แววความเป็นแม่มดตั้งแต่เด็ก ได้เข้าเรียนในฮอกวอร์ตภายใต้ชื่อลิลลี่ อีแวน ซึ่งตอนที่โวลเดอร์มอร์ฆ่าเจมส์ และกำลังทำ horcrux บนตัวแฮรี่ ลิลลี่เข้ามาขัดขวาง และด้วยพลังความรักของแม่ และความเป็นสายเลือดเดียวกันกับโวลเดอร์มอร์ ทำให้เมื่อโวลเดอร์มอร์จะกำจัดลิลลี่ เกิดพลังย้อนกลับทำร้ายโวลเดอร์มอร์จนร่างกายสูญสลายไป และเนื่องจากเหลือแฮรี่คนเดียว ทุกคนจึงเข้าใจว่าแฮรี่มีพลังบางอย่างที่ทำลายโวลเดอร์มอร์ (แต่ความจริงเป็นลิลลี่) และมีแต่ดัมเบิลดอร์ที่รู้ความจริง และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่สาวลิลลี่ฟังเพื่อขอร้องให้เธอรับเลี้ยงเด็ก ชายผู้รอดชีวิต

ยุทธการเดือดเชือดนาซี

ยุทธการเดือดเชือดนาซี


เรื่อง ย่อ ในปีแรกที่เยอรมันบุกเข้ายึดครองฝรั่งเศส โชซานน่า ไดรย์ฟัส (เมลานี่ โลรอง) ได้เห็นเหตุการณ์การสังหารสมาชิกในครอบครัวของเธอด้วยน้ำมือของนาซี พันเอกฮานส์ แลนดา (คริสทอฟ วอลทซ์) โชซานน่าแอบหลบหนีและเดินทางมายังปารีส ที่ซึ่งเธอได้สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ในฐานะเจ้าของ และพนักงานของโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งณ อีกที่หนึ่งในยุโรป ร้อยโทอัลโด เรน (แบรด พิตต์) ได้จัดตั้งกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวขึ้น เพื่อลงมือล้างแค้นอย่างฉับไวและน่าตกใจ ซึ่งต่อมาทหารกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ศัตรูในชื่อ “แก๊งค์สุดแสบ” หน่วยของเรนได้ร่วมมือกับบริดเจ็ต วอน แฮมเมอร์สมาร์ก (ไดแอน ครูเกอร์) นักแสดงหญิงชาวเยอรมันซึ่งเป็นสายลับ ในภารกิจโค่นกลุ่มผู้นำนาซี โชคชะตามาบรรจบกันภายใต้เจ้าหญิงแห่งโรงหนัง ที่ซึ่งโชซานน่าได้วางแผนการแก้แค้นของเธอเอง...ด้วยการใช้หลักการในมาตรฐาน เท่าเทียมกัน ภาพยนตร์เรื่อง INGLOURIOUS BASTERDS ของเควนติน ทาแรนติโน่ ได้ถักทอร้อยเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ โด่งดัง ทุกข์ทน และเป็นจริงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าด้วยกัน

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

Autumn ไวรัสสายพันธุ์นรกล้างโลก

Autumn ไวรัสสายพันธุ์นรกล้างโลก



เรื่องย่อ :
เรื่อง ราวของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดหลังจากโลกถูกกวาดล้าง ด้วยเชื้อโรคร้ายและถูกยึดครองโดยฝูงผีดิบที่เกิดขึ้นจากเชื้อมรณะ ผู้รอดชีวิตที่เหลือนี้นำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ไมเคิล (เด็กซ์เตอร์ เฟล็ทเชอร์ – Lock, Stock & Two Smoking Barrels) ช่างเครื่องอารมณ์แปรปรวน คาร์ล (ดิกคอน โทลสัน) และ ฟิลลิป อีวานส์ (เดวิด คาร์ราดีน) ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ไร้สิ่งมีชีวิตเหลืออยู่ นี่คือความสยองที่มาในแนวทางเดียวกับ I Am Legend ผสม The Stand ของสตีเฟ่น คิง รวมกันเป็นภาพยนตร์กระชากขวัญสุดมันส์ สร้างจากนิยายคัลท์อันโด่งดังของเดวิด มูดี้ ฤดูใบไม้ร่วงที่น่ากลัวที่สุด...มาถึงแล้ว!

Fighting ( 2009 ) โคตรนักสู้ดีกรีระห่ำ

Fighting ( 2009 ) โคตรนักสู้ดีกรีระห่ำ


เรื่อง ย่อ ฌอน แม็คอาเธอร์ เด็กบ้านนอกที่เข้ามาแสวงโชคในเมืองนิวยอร์ค ซิตี้ด้วยสองมือเปล่า เขามีรายได้เล็กน้อยจากการขายของผิดกฎหมายตามท้องถนน วันหนึ่งโชคของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อแมวมองเจ้าเล่ห์อย่าง ฮาร์วีย์ บอร์ดเดน เห็นแววความเป็นนักต่อสู้ในตัวเขา ฮาร์วีย์จึงโน้มน้าวฌอนด้วยวิธีหาเงินก้อนโต ทั้งคู่จึงร่วมเป็นหุ้นส่วนกัน ฮาร์วีย์ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการชักนำเขาเข้าสู่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซึ่งมีพวกคนรวยเข้ามาวางพนันกับนักสู้บนสังเวียนดิบนี้ เพียงชั่วข้ามคืน ฌอนก็กลายเป็นดาวเด่นเพราะสามารถล้มคู่ต่อสู้โหดๆที่เป็นนักมวยอาชีพ แชมป์วิทยายุทธ และนักสู้ที่เก่งกาจอีกมากในการต่อสู้อันสุดโหดนี้ แต่ถ้าฌอนหวังจะหนีจากโลกมืดที่ทำให้เขาได้ค้นพบอีกด้านของตัวเองแล้วล่ะก็ เขาต้องเจอกับการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
1 2 3 4 5